กล่องใส่อาหารและเครื่องดื่ม

เราคิดค้นเทคโนโลยีและบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยปกป้อง “อาหารและเครื่องดื่ม” ให้ถึงมือทุกคนอย่างปลอดภัย และมีพร้อมบริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุแบบปลอดเชื้อหรือที่เรารู้จักกันสั้นๆ
ว่า UHT (Ultra High Temperature) ที่ฆ่าเชื้อโรคด้วยอุณหภูมิความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารและเครื่องดื่มไว้ได้ โดยไม่ต้องใช้วัตถุกันเสีย

กล่องเครื่องดื่มยูเอชทีของเราทำมาจากกระดาษ พลาสติก และอะลูมิเนียมฟอยล์แผ่นบางผนึกแน่นรวมกัน 6 ชั้น เพื่อช่วยป้องกันอากาศ แสงสว่าง และเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้เข้าไปสัมผัสกับเครื่องดื่มภายในกล่อง มารู้จักกับคุณสมบัติเด่นของกล่องเครื่องดื่มเต็ดตรา แพ้ค

  • ปกป้องอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ภายในให้สะอาดและปลอดภัย
  • คงคุณค่าสารอาหารและรสชาติไว้ได้ โดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย
  • เก็บได้นานหลายเดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น
  • รูปทรงที่ง่ายในการจัดเรียง และดีไซน์ที่โดดเด่น
  • น้ำหนักเบา สะดวกต่อการจัดเก็บและขนส่ง
  • ใช้ทรัพยากรทดแทนได้ และรีไซเคิลได้

และนี่คือ... การสร้างสรรค์กล่องใส่อาหารและเครื่องดื่มมาตรฐานระดับโลก ที่ช่วยคงคุณค่าสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และคำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดต่อธุรกิจ เพื่อส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนการให้กับทุกคนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
กล่องใส่อาหารและเครื่องดื่ม | Unique solutions for beverage processing & packaging.

นวัตกรรมสร้างคุณค่า

นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เราคิดค้นขึ้นได้ช่วยสร้างสรรค์คุณค่าที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ดังนี้


1. เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง – ด้วยเทคโนโลยีการบรรจุแบบปลอดเชื้อ หรือยูเอชที (Ultra High Temperature) ของเรา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเก็บและพกพาเครื่องดื่มไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องแช่เย็น อีกทั้งยังประหยัดค่าขนส่งเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับตู้เก็บความเย็นเพื่อรักษาผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย


2. รักษาคุณค่าสารอาหารได้ครบถ้วน – กล่องของเราประกอบไปด้วยกระดาษ 75% พลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์ 25% ซึ่งเป็นวัสดุทึบแสงที่ช่วยปกป้องวิตามินต่างๆ ที่ไวต่อแสง เช่น วิตามิน A, B2, B6, B12, C, และ K ได้อย่างดี


3. คงความสด และรสชาติที่ดี – ด้วยความเชี่ยวชาญในกระบวนการแปรรูปและบรรจุอาหารและเครื่องดื่มของเรา จึงทำให้สามารถคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ดังเดิม


นวัตกรรมสร้างคุณค่า – กระดาษบรรจุภัณฑ์ของเราถูกจัดส่งถึงโรงงานลูกค้าในรูปแบบม้วนกระดาษขนาดใหญ่ จากนั้นจึงขึ้นรูปและบรรจุลงกล่อง ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์


5. ประหยัดในการขนส่งและจัดวาง – ด้วยรูปทรงของกล่องที่เอื้อในการจัดเรียง ทำให้สามารถทำให้ใช้พื้นที่ทั้งในการขนส่งและจัดวางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


6. สร้างความโดดเด่นบนชั้นวาง – สื่อสารเรื่องแบรนด์บนพื้นที่กล่องได้รอบด้าน เอื้อต่อการสร้างสรรค์ไอเดียและดีไซน์ ทั้งยังสามารถวางเรียงเป็นแผงเพื่อดึงดูดความสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้น นอกจากจะช่วยปกป้องคุณค่าของอาหารแล้ว ต้องช่วยตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้วย

นวัตกรรมสร้างคุณค่า

ผู้นำการผลิตแบบครบวงจร

เมื่อพูดถึง “อาหารและเครื่องดื่ม” สิ่งที่ทุกคนมองหาย่อมเป็นรสชาติที่อร่อย ความปลอดภัยในการบริโภค คุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการที่ดี เราจึงต้องเลือกเครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เหมาะสมในการจัดการกับอาหารและเครื่องดื่มแต่ละประเภท ตัวอย่างเช่น นมซึ่งมีค่าความเป็นกรดต่ำ จะมีปฏิกิริยาที่ไวต่อจุลินทรีย์มากกว่าน้ำผลไม้ซึ่งมีค่าความเป็นกรดสูง ผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างจึงต้องใช้กระบวนการจัดการที่แตกต่างกันไป


การผลิตแบบครบวงจรของเรา ครอบคลุม 4 ขั้นตอนหลักดังนี้


1. พัฒนา: อยากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรืออยากปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ไม่ว่าความต้องการของคุณจะเป็นแบบไหน ทีมงานของเราพร้อมที่จะสนับสนุนและทำให้ความคิดเหล่านั้นกลายเป็นจริงได้ ทั้งในแง่การพัฒนาสูตรและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการผลิตที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ด้วยวิธีการที่เฉพาะเจาะจงกับตลาดของผลิตภัณฑ์นั้น


2. ผลิต: แม้รสชาติของอาหารและเครื่องดื่ม อาจแตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน เราในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมนี้ มีแนวทางการดำเนินงานตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมทุกวงจรในกระบวนการผลิตและบรรจุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด


3. บรรจุ: ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ประกอบการ หรือร้านค้าต่างๆ ทุกคนล้วนมองหาผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ เราทราบถึงความต้องการเหล่านี้ดี จึงพยายามพัฒนากล่องใส่อาหารและเครื่องดื่มให้ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกต่อการดื่ม การใช้งาน รวมถึงการยืดอายุของอาหารและเครื่องดื่มนั้น ๆ และดีไซน์ที่สร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น


4. สนับสนุน: เรามีรูปแบบการดำเนินงานที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการ โดยวิเคราะห์ และคัดสรรแนวทางที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละแบบเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมทั้งให้คำปรึกษาและวางแผนลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เรามีทีมที่ให้คำแนะนำและดูแลตลอดทั้งกระบวนการผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากบริการของเรา


ผู้นำการผลิตแบบครบวงจร

ผู้นำการผลิตแบบครบวงจร

การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ คือ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และจรรยาบรรณต่อสังคม รวมทั้งค่าใช้จ่าย คุณภาพ และระยะเวลาจัดส่งที่เหมาะสมแก่ลูกค้า


  • เราได้รับการรับรองตามหลักเกณฑ์ขององค์การจัดการด้านป่าไม้ หรือ FSC ™ ว่าด้วยการจัดการห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ (FSC Chain-of-Custody) FSC เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยกลุ่มองค์กร เอ็นจีโอ กลุ่มผู้ใช้และผู้ค้าไม้ และถือเป็นมาตรฐานรับรองการบริหารจัดการป่าไม้ด้วยความรับผิดชอบที่ดีที่สุดในโลก โดยผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลาก FSC จะต้องผ่านเกณฑ์ห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ ในทุกแหล่งผลิต ซึ่งเต็ดตรา แพ้ค ได้ผ่านการรับรองทั้งหมด จึงทำให้สามารถจัดสรรบรรจุภัณฑ์ที่ติดฉลาก FSC ได้จากทั่วทุกมุมโลก
  • เราได้แนะนำระบบการติดฉลาก FSC บนกล่องบรรจุภัณฑ์อาหารเหลว เป็นครั้งแรกของโลกในปี พ.ศ. 2550 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จำนวนกล่องบรรจุภัณฑ์เต็ดตรา แพ้ค ที่มีฉลาก FSC ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงกว่า 54,000 ล้านกล่องในปี พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ และสามารถส่งมอบกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ติดฉลาก FSC จำนวนกว่า 2 แสนล้านกล่อง ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2559

ทรัพยากรที่สามารถทดแทนได้ นอกจากการให้ความสำคัญต่อการใช้วัตถุดิบที่มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ และผ่านการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน แล้วในปี พ.ศ. 2558 บริษัทฯ ได้เปิดตัว เต็ดตรา เร็กซ์® ไบโอ-เบสด์ บรรจุภัณฑ์กล่องรุ่นแรกของโลกที่ทำจากทรัพยากรทดแทนได้ทั้งหมด รวมถึงฝาปิดพลาสติกที่ทำจากวัสดุชีวภาพ มานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกในการบรรจุเครื่องดื่มให้แก่ลูกค้า


การรีไซเคิล – การลงทุนเพื่ออนาคต ส่วนประกอบของกล่อง คือ เยื่อกระดาษ พลาสติก และอะลูมิเนียมฟอยล์ สามารถนำไปรีไซเคิลและปรับเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ได้ นอกจากนี้การรีไซเคิลยังช่วยลดขยะของเสียที่ส่งต่อไปยังสถานที่ฝังกลบมูลฝอย และลดผลกระทบต่อกระบวนการเกิดภาวะเรือนกระจกอีกด้วย


  • เต็ดตรา แพ้ค กำหนดเป้าหมาย ในการเพิ่มอัตราการรีไซเคิลเป็นสองเท่า จากร้อยละ 20 ในปี 2553 สู่ร้อยละ 40 ในปี พ.ศ. 2563 (หรืออัตราเทียบเท่ากับการรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษ 1 แสนล้านกล่องต่อปี)
  • ในประเทศไทย เต็ดตรา แพ้ค ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และบิ๊กซี จัดตั้งโครงการหลังคาเขียว ในปี 2553 เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคจัดเก็บกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธีแล้วนำไปรีไซเคิลและผลิตเป็นแผ่นหลังคา มอบให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติและชุมชนที่ขาดแคลนทั่วประเทศได้นำไปสร้างที่อยู่อาศัย
ผู้นำการผลิตแบบครบวงจร